รีวิวซีรีย์ The Boys

รีวิวซีรีย์ The Boys

ซีรีส์บางเรื่องอาจต้องใช้เวลารอคอยคนดูอย่างเรานานหน่อย บางเรื่องอาจต้องผ่านไปแล้วราว 6 ซีซัน เราถึงจะได้เดินทางมาเจอกัน แต่บางเรื่องก็เร็วกว่านั้น อย่าง ‘The Boys’ หรือ ‘ก๊วนหนุ่มซ่า ล่าซูเปอร์ฮีโร่’ เนี่ย ผ่านไปเพียง 3 ซีซันเท่านั้นก่อนที่ Prime Video จะเริ่มเปิดตัวทำการตลาดในไทย จนทำให้นายแพทเริ่มสมัครสมาชิก เปิดดู และหยิบมาเขียนถึงนี่ยังไงล่ะครับ

หนังและซีรีส์แนวซูเปอร์ฮีโร่นั้นมีกันออกมาเยอะแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับสไตล์เดิมๆ จนคน ดูหนังออนไลน์ ก็เริ่มจะรู้สึกอิ่มตัว ถึงยังไงโลกนี้ก็ยังมีต้องซีรีส์และหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่อยู่ พร้อมกันนั้นก็มีความพยายามจะฉีกแนวเล่าให้แตกต่าง อย่างเรื่องนี้ ตัวเอกไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่เหล่าก๊วนที่มุ่งหมายเปิดโปงความชั่วและแก้แค้นในสิ่งที่ซูปส์ทำเอาไว้ ก็ได้รับบทบาทให้โดดเด่นเทียบเท่ากันด้วย

การกลับมาครั้งนี้ของซีรีย์เรื่องนี้นับว่าเป็นครั้งที่3 สำหรับซีรี่ย์มราจับเอาเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่มาในแบบฉบับกวนๆ มาถึงกลางปีเพียงเปิดมาได้ 3 ตอนแรกก็คงต้องบอกว่าถึงเวลาราชากลับมาทวงบัลลังก์แล้ว เพราะ ‘The Boys’ ซีซันที่ 3 นี้ยังมีมนต์ขลังในความตลกร้ายสายโหดแบบเดาทางอะไรไม่ได้เลย แถมนอกจากทีเล่นที่สุดกวนแล้ว ทีจริงของมันก็ยังทำขนลุกหนาวสันหลังได้เช่นเดิม

ซีรีย์ The Boys เต็มเรื่อง การกลับมาครั้งนี้จะพูดถึงเหล่ากลุ่มคนที่ไม่ค่อบชื่นชอบเหล่าซูเปอร์ฮีโร่จนต้องรวมตัวกันเพื่อทำการล้างแค้นให้สาสม คนกลุ่มนี้ นำทีมโดยอดีตซีไอเออย่าง บิลลี่ บุตเชอร์ (Karl Urban จากหนังเรื่อง ‘Star Trek’, ‘Dredd’ และ ‘The Lord of the Rings’) ที่ผันตัวมาเป็นอัศวินศาลเตี้ย

เขามีพรรคพวกร่วมก๊วนอย่าง ฮิวอี้ แคมป์เบล (Jack Quaid) เขาเป็นหนุ่มนักขายเกี่ยวกับเครื่องเสียงที่นิสัยแตกต่างจากบิลลี่อยู่มากโข, เอ็มเอ็ม หรือ Mother’s Milk (Laz Alonso) หนุ่มที่มีเมียมีลูกแล้วแต่เพราะต้องการล้างแค้นให้กับพ่อจึงมาร่วมด้วย

อีกคนคือ frenchie (Tomer Capone) พ่อค้าปืนที่ติดยาที่ให้แหล่งพักพิงกับก๊วนนี้ ก่อนที่จะมีสมาชิกคนล่าสุดอย่าง คิมิโกะ (Karen Fukuhara) หญิงสาวที่เป็นใบ้แต่มีพลังพิเศษผู้กำลังตามหาครอบครัว แต่ก่อนจะเล่าอะไรไปมากกว่านั้น ขอย้อนกลับไปเล่าโลกที่เขาเซ็ตไว้ในซีรีส์กันก่อน

ใน ดูหนังฟรี เรื่องนี้ เขาบอกว่า เหล่าซูเปอร์ฮีโร่ไม่ได้จัดการรวมกลุ่มกันเองแบบ Avengers หรือ Justice League แต่ที่จริง พวกเขาเป็นเหมือนสินค้าของบริษัทไม่ต่างอะไรกับดารานักร้องที่ต้องมีต้นสังกัดแบบนั้นเลย บริษัทนี้มีชื่อว่า วอท (Vought International) ที่จะมีสิทธิขาดในการจัดการทุกอย่าง ทั้งดูแลการตลาด สร้างภาพลักษณ์ จัดหางาน รวมทั้งการออดิชันรับสมัคร ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของวอททั้งหมด

โดยที่บรรดาเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ที่มารวมตัวกันจะถูกเรียกว่า เดอะเซเว่น เบื้องหน้าก็เหมือนจะเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมแหละ แต่ความจริงแล้วก็แค่พวกทำดีเอาหน้าไปไปวันๆ แค่พวกเขามีพลังพิเศษเหนือมนุษย์มนาเท่านั้นเอง แน่นอนว่า เมื่อซูเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่คนดี ย่อมจะให้กำเนิดคนที่สูญเสียเพราะการกระทำของพวกเขา ในที่สุด ก็รวมตัวและช่วยการค้นหาข้อมูล หลักฐาน วิธีการเพื่อจะเปิดโปงและโค่นล้มคนดีจอมปลอมพวกนี้นั่นเอง

โดยที่ซีรีย์ Season แรกพวกเขาจะเริ่มเรื่องโดยการที่พวกเขาต้องสูญเสีย ฮิวอี้ เมื่อโรบินแฟนสาวของเขาถูกเอ-เทรน ซูปเจ้าความเร็ววิ่งผ่านร่างจนเละเหลือแค่สองมือ รีวิวซีรี่ย์ฝรั่ง ส่งผลให้เขาได้เข้ามาร่วมอยู่กับก๊วนหนุ่มที่ตัวหัวหน้าทีมคือ บิลลี่ บุตเชอร์ หนุ่มหน้าหนวดผู้มีความคั่งแค้นอยู่กับโฮมแลนเดอร์ ซูเปอร์ฮีโร่ที่พรากเมียรักไปจากเขา

ขณะที่หวานใจในอนาคตอย่างแอนนี่ผู้มีความใฝ่ฝันอยากทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคมจะได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของเดอะเซเว่น และได้พบว่าความจริงเบื้องหลังฉากหน้าอันสวยงามที่ว่า แท้จริง ซูเปอร์ฮีโร่เป็นเพียงธุรกิจหนึ่งของ วอท คอร์ปอเรชันเท่านั้น แถมยังพบความจริงบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจนี้ นั่นคือ คอมพาวด์วี ที่กลายเป็นตัวแปรสำคัญต่อเนื่องถึงซีซันถัดมา

เมื่อSeason 2เริ่มขึ้นนั้น เหมือนว่าเหล่าบรรดาวอทจะได้หัวหน้ากลุ่มคนใหม่ ขณะที่โฮมแลนเดอร์ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิม จนเริ่มระหองระแหงกับเจ้านาย ขณะที่ความเป็นจริงอันชวนเซอร์ไพรซ์ที่ถูกปิดบังไว้ก็ได้รับการเปิดเผยออกมา ซูเปอร์ฮีโร่คนหนึ่งมีลูกแถมลูกคนนั้นยังน่าจะได้รับบพลังพิเศษไปด้วย

ขณะความสัมพันธ์ของฮิวอี้และแอนนี่ก็ยังคงเดินหน้าแม้จะยุ่งยากมากมายเพราะต่างคนต่างก็อยู่กันคนละฝั่ง ในซีซันนี้ ยังมีสมาชิกใหม่อย่าง สตอร์มฟรอนต์ (Aya Cash) ผู้มีพลังควบคุมคลื่นไฟฟ้าและเหาะได้เข้ามา เธอคือคนที่ป่วนวอทจนวุ่น กลายมาเป็นแฟนคนใหม่ของโฮมแลนเดอร์

แถมยังมีอดีตอันลึกลับอีกต่างหาก เท่านั้นยังไม่พอ ยังพาเราไปพบกับโรงพยาบาลอีกแห่งที่วอทใช้ทดลองสารเสพติดอย่างคอมพาวด์วี รีวิวซีรี่ย์ฝรั่งน่าดู และมีเงื่อนงำน่าสงสัยเกี่ยวกับการตายแบบหัวระเบิดของคนอีกหลายคน

เมื่อมาถึง The Boys พากย์ไทย ซีซันสาม กลุ่นก๊วนนักล่าซูปส์ก็เริ่มจะแตกกระจาย ฮิวอี้ได้เข้าไปอยู่ในหน่วยงานควบคุมฮีโรของนิวแมน (Claudia Doumit) ที่เขาเองก็รู้ความลับอันชวนหวั่นของเธอ ส่วนเอ็มเอ็มก็เป็นโรคซึมเศร้า ขณะที่สตาร์ไลท์ก็ได้รับคะแนนนิยมดีจัดจนถูกเลือกให้เป็นกัปตันร่วมกับโฮมแลนเดอร์ที่ความแบดแอสยังไม่หนีหายแถมหนักข้อขึ้นอีกด้วย

โฮมแลนเดอร์ (Antony Starr) ที่มีพลังมากที่สุดในทีม ทั้งเหาะได้ มองทะลุผนัง (ยกเว้นสังกะสี) ได้ ดวงตายิงแสงเลเซอร์ได้ มีความเป็นผู้นำแต่ก็ค่อนข้างเผด็จการ พยายามจะควบคุมเหล่าซูปส์คนอื่นๆ แถมยังมีความสัมพันธ์กับรองประธานวอทอย่าง แมเดลีน สติลเวลล์ (Elisabeth Shue) อีกต่างหาก เป็นซูปที่มีปมเพราะโตมากับการทดลอง

ควีนเมฟ (Dominique McElligott) ที่ก็เหมือนจะคบหากับโฮมแลนเดอร์อยู่ช่วงหนึ่ง แต่ที่จริง เธอก็มีคนในใจอยู่แล้วอะนะ มีความดีอยู่ภายในแต่ต้องตกอยู่ใต้เงาของโฮมแลนเดอร์

เดอะดีพ (Chace Crawford) ผู้มีพลังวิเศษสื่อสารพูดคุยกับปลาได้ หายใจในน้ำได้ มักน้อยเนื้อต่ำใจเพราะไม่ค่อยได้รับภารกิจใหญ่ แต่จุดอ่อนของเขาคือพฤติกรรมคุกคามทางเพศนั่นแหละ

เอ-เทรน (Jessie T. Usher) หนุ่มผิวสีผู้มีความเร็วเป็นอาวุธ และมีพลังกำลังมากพอสมควร ติดตรงที่กลัวจะโดนซูปคู่แข่งวิ่งเร็วกว่า อีกอย่างคือ เขาพลาดไปฆ่าโรบินแฟนของฮิวอี้ตายจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของก๊วนไล่ล่าซูปส์

ทรานสลูเซนต์ (Alex Hassell) ชื่อก็บอกแล้ว ชายคนนี้มีความสามารถในการล่องหน เขาจึงมักจะชอบแอบฟัง-สอดแนมเป็นกิจวัตร อ้อ อีกอย่างคือเขามีผิวหนังเป็นคาร์บอนที่แข็งแกร่งมากจนอะไรก็เจาะไม่เข้าเลยล่ะ

แบล็กนัวร์ (Nathan Mitchell) คนที่สวนชุดสูทสีดำคลุมทั้งตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยพูดจากับใคร ทั้งไม่เคยวอกแวกนอกลู่นอกทาง เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และใช้อาวุธเป็นพวกของมีคมต่างๆ

แอนนี่ หรือชื่อในวงการ สตาร์ไลท์ (Erin Moriarty) ที่คลั่งไคล้เดอะเซเว่นมาตั้งแต่เด็ก มุ่งมั่นฝึกฝนเพื่อจะได้ยืนอยู่เคียงข้างเหล่าซูปส์ที่เป็นแรงบันดาลใจ ก่อนจะได้มาพบความจริงเบื้องหลังที่ต่างจากที่คิดฝันไว้อย่างฟ้ากับเหวเลยทีเดียว เธอมีความสามารถในการควบคุมแสงและไฟที่ทำให้คนตาบอดได้

นอกจากเรื่องเนื้อหาที่คมเข้ม ด้านของความกวนและคาดเดาไม่ถูกก็ยังสามารถทำเราอึ้งได้ตลอดเช่นกัน แค่เปิดมา 15 นาทีแรกของซีซันนี้ รีวิวซีรี่ย์ฝรั่งน่าสนใจ เราก็เจอทั้งมุกจิกกัดหนังข้ามค่ายทั้ง ดิสนีย์ วอร์เนอร์ (ซีรีส์นี้เป็นผลงานความร่วมมือระหว่างโซนี่และแอมะซอน) รวมถึงหนังซูเปอร์ฮีโรอีกสารพัด โดยเฉพาะการล้อยอดมนุษย์ที่มีพลังย่อร่างเหมือนแอนต์แมน

แต่ใช้พลังเพื่อร่วมรักกับเกย์หนุ่มคนรักผ่านรู xxx ก็เป็นอะไรที่เกินจินตนาการผู้ชมไปไกลมาก และฉากจบของซีนนี้ก็ทำเราอ้าปากค้างกันได้เลยทีเดียว หรือจะเป็นการล้อเล่นกับชะตากรรมของ เดอะดีป เจ้าสมุทรผู้อยากเสพสังวาสกับปลา ที่แค่ฉากทานอาหารก็ชวนให้เราขมขื่นไปกับเขาได้ มุกเหนือคาดเหล่านี้เป็นอะไรที่เราชอบและผู้สร้างก็ประเคนให้ได้แบบไม่มีเบื่อ

มาถึงซีซี่นนี้แอฟเฟกก็ยังคงทำออกมาได้ถึงเลือดเนื้อตับไตไส้พุงกันหนักเช่นเคย ใครแพ้เครื่องในต้องบอกเลยว่างดทานอาหารระหว่างรับชมจะดีต่อท้องไส้มากที่สุดแล้ว มันจึงยังคงขี่คร่อมในการเป็นหนังฮีโรที่ผู้ใหญ่ดูได้ เด็กไม่ควรดู หรือเป็นหนังเฉพาะกลุ่มฮาร์ดคอร์ไปเลย อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ว่าใครรับฉากโหด ๆ ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะซีซันนี้เราได้เห็นการเจาะถ่ายภาพพวกชิ้นส่วนร่างกายที่ขาดกระจุยอยู่แบบไม่เหนียมอายเลยทีเดียว

ต้องยอมรับเลยว่าตอนนี้ใครก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘The Boys’ ซีซัน 3 คือความสุขในทุกนาทีสำหรับคอโหดที่เบื่อหนังฮีโรสายโลกสวยจริง ๆ และแน่นอนว่าซีซัน 4 มันต้องบรรลัยวอดวายยิ่งกว่าซีซันไหน ๆ แน่นอน เพราะในตอนสุดท้ายของซีซันนี้ได้ปลดปลอกคอทุกอย่างของโฮมแลนด์เดอร์ทิ้ง แถมใส่โซ่ถ่วงน้ำหนักกับฝั่งบุตเชอร์เข้าไปจนเพลี่ยงพล้ำสุด ๆ ไปด้วย น่าดูมากจริง ๆ

ชื่อซีรีส์ The Boys / ก๊วนหนุ่มซ่า ล่าซูเปอร์ฮีโร่

ผู้สร้าง Evan Goldberg, Seth Rogen, Eric Kripke

ผู้กำกับ Dan Trachtenberg, Jennifer Phang, Philip Sgriccia, Daniel Attias, Stefan Schwartz, Fred Toye, Matt Shakman, Eric Kripke, Sarah Boyd, Steve Boyum, Liz
Friedlander, Alex Graves, Batan Silva

ผู้เขียนบท Eric Kripke, Anne Cofell Saunders, Ellie Monahan, Evan Goldberg, Phil Hay, Matt Manfredi, Garth Ennis, Seth Rogen, Craig Rosenberg, Rebecca Sonnenshine, Geoff Aull, George Mastras. Comic: Garth Ennis, Darick Robertson

นักแสดง Karl Urban, Jack Quaid, Antony Starr, Erin Moriarty, Elisabeth Shue, Laz Alonso, Tomer Kapon, Chace Crawford, Jessie T. Usher, Dominique McElligott, Simon Pegg, Jennifer Esposito, Colby Minifie

แนว/ประเภท Action, Crime, Drama, Sci-Fi

จำนวนตอน ซีซัน 1: 8 ตอน, ซีซัน 2: 8 ตอน, ซีซัน 3: 8 ตอน

ช่องทางรับชม Prime Video

เริ่มออกอากาศ

ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ Amazon Studios, Kickstart Entertainment, Kripke Enterprises, Amazon Prime Video