รีวิวหนังTHE MATRIX4 RESURRECTIONSเดอะ เมทริกซ์ เรเซอเร็คชั่นส์

 

 

มาคับ มาพบกับผมและการรีวิวหนังสุดมัน วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่อง THE MATRIX 4 RESURRECTIONSเดอะ เมทริกซ์ เรเซอเร็คชั่นส์ พูดไปใครจะเชื่อว่าหนังไตรภาคในตำนานอย่าง The Matrix จะกลายเป็นการปฏิวัติวงการหนังฮอลลีวู้ดอยู่ช่วงหนึ่ง  เพราะหลังจากนั้นมาฮอลลีวู้ดก็ได้รู้ว่าหนังกังฟูมันดูสนุกแค่ไหน และทำให้หนังไซไฟกังฟูกึ่งปรัชญาชุดนี้กลายเป็นที่กล่าวขานข้ามเวลา หนังที่ทำให้ Keanu Reeves กลับมาผงาด  สร้างชื่อให้นักแสดงอย่าง Carrie-Anne Moss และแน่นอนผู้กำกับสองพี่น้องตระกูล Wachowski

หนังที่เมื่อดูภาคแรกรอบแรกแล้วออกจากโรงมีบทสนทนาจากผู้ชมกันเองว่า “ดูไม่รู้เรื่องแต่สนุกเป็นบ้า” จนนำพามาซึ่งการดูซ้ำ  ทำให้หนังประสบความสำเร็จจนมีภาคต่อมาอีกสองภาค  แล้งมหากาพย์ของการต่อสู้ของมนุษย์กับเครื่องจักรก็สิ้นสุดลงในปี 2003 ที่ทุกอย่างลงตัวสมบูรณ์แบบ  แต่ใครจะคิดว่าสิบแปดปีต่อมาจะมีภาคต่อมาให้ชมกันอีก  และแน่นอนว่าผู้เขียนคือแฟนหนังชุดนี้จึงมีหน้าที่ต้องดู

ทิ้งห่าง ‘The Matrix’ ภาคแรกมาร่วม 22 ปีสำหรับภาคต่อของหนังที่มาปฏิวัติวงการภาพยนตร์ช่วงเข้ายุค 2000 แต่การกลับมาครั้งนี้ของ ‘The Matrix Resurrections’ หลังผ่านไป 2 ทศวรรษที่องค์ความรู้เรื่องเมตาเวิร์สที่เคยเป็นแค่จินตนาการกำลังเกิดขึ้นจริงและการใช้ชีวิตในโลกออนไลน์แบบในหนังภาคแรกก็ดูไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปดังนั้นมันจึงน่าสนใจว่าคราวนี้ ลานา วาชอว์สกี (Lana Wachowski) จะยังคิดค้นอะไรใหม่ ๆ ให้เราได้ว้าวอีกหรือเปล่า ดูหนังใหม่

 

รีวิวหนังTHE MATRIX4 RESURRECTIONSเดอะ เมทริกซ์ เรเซอเร็คชั่นส์

 

ภาคนี้เนื้อเรื่องยังวนเวียนอยู่กับการปลดปล่อยตัวนีโอออกจาก เดอะ เมทริกซ์ โดยมีเส้นเรื่องหลักคร่าวๆ แบบไม่สปอยล์อะไรมากก็คือ มีกลุ่มผู้ปลดปล่อยใหม่พยายามปลุกให้นีโอกลับมาอีกครั้ง ตามมาด้วยการช่วยทรินิตี้เพิ่มอีกคน ซึ่งทั้งเรื่องก็มีแค่นี้จริงๆ ดังนั้นตัวเรื่องที่เหลือก็เลยกลายเป็นความพยายามรื้อฟื้นเรื่องราวฉากเก่าๆ มาใส่ในเส้นเรื่องใหม่ของภาคนี้ โดยฉากเก่าที่ว่านี่คือแฟลชแบ็คสั้นๆ ที่ขยันปล่อยมาเรื่อยๆ ตั้งแต่นีโอยังงงๆ ฉากเลือกยา ฉากคุยกับมอร์เฟียซ ฉากฝึกวิชา และยิบย่อยอีกมากมาย จนแทบทั้งเรื่องเต็มไปด้วยแฟลชแบ็คที่กินเวลาไปไม่น้อย

โดยเทียบเป็นลักษณะนีโอมองเห็นเดจาวูของตัวเอง ซึ่งแรกๆ แฟนเมทริกซ์คงรู้สึกดีที่ภาคใหม่ยังพยายามดึงเอาฉากเก่าๆ มาร่วมด้วย แต่พอนานไปกลับกลายเป็นว่าชักเยอะเกินไป จนเริ่มรู้สึกรำคาญว่าจะพยายามใส่อะไรมาขนาดนี้ ทำให้เรื่องที่ว่าเหมือนจะไปทิศทางใหม่ได้ในตอนแรก กลับต้องมาติดหล่มการย้อนแฟลชแบ็คของเก่าแวบๆ เทียบกับเรื่องราวในปัจจุบันอยู่เรื่อยๆ  หนังใหม่

 

รีวิวหนังTHE MATRIX4 RESURRECTIONSเดอะ เมทริกซ์ เรเซอเร็คชั่นส์

 

รีวิวหนังTHE MATRIX4 RESURRECTIONSเดอะ เมทริกซ์ เรเซอเร็คชั่นส์ เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ

 

เริ่มต้นที่ Bugs (Jessica Henwick) ที่ไปสังเกตการณ์เหตุการณ์ใน The Matrix ที่ผู้ชมคิดว่ามันจบลงแล้วเมื่อสิบแปดปีก่อน  แล้วเหตุการณ์ก็บานปลายให้ Bugs ต้องหนีจากเหล่าชายในสูทดำ  และเธอก็ได้เจอกับ Morpheus (Yahya Abdul-Mateen II) เพื่อที่จะพากันตามหาเอกบุรุษในตำนานคือ Neo (Keanu Reeves) ผู้ปลดปล่อยเมื่อครานั้น  แต่ครานี้ Neo กลายเป็นผู้สร้างเกมที่ชื่อว่า The Matrix ที่ใช้เหตุการณ์เมื่อคราโน้นมาเป็นเกมในครานี้  และ Neo เองในคราบของมนุษย์ที่อยู่ใน The Matrix ก็มีความรู้สึกบางอย่างที่เหมือนเป็นความฝันกึ่งความทรงจำ

เมื่อเขาต้องตาหญิงหนึ่งที่เป็นสิงห์นักบิดและเป็นแม่บ้าน  และปรากฎว่าเธอคนนั้นคือ Trinity (Carrie-Anne Moss) ซึ่งเธอคนนั้นก็รู้สึกคล้ายกัน  แต่เมื่อ Neo ไม่รู้ตัวเองว่าอยู่ในโลกเสมือนในสภาพแบตเตอรี่ Bugs กับ Morpheus จึงต้องปลดปล่อย Neo และ Trinity เพื่อปลดปล่อยมนุษย์จาก The Matrix อีกครั้ง

เมื่อนี่คือการกลับมาของตำนานที่มีแฟนที่เกิดทันและโตทันดูหรือกระทั่งดูครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างผู้เขียน  สิ่งที่ตามมาคือสายตาที่จับจ้องและพร้อมจะชำแหละเมื่อได้พิสูจน์เพราะไตรภาคนั้นได้สิ้นสุดสงโดยสมประสงค์ และเมื่อดูจบผู้เขียนต้องแยกความรู้สึกออกมาสองทาง  หนึ่งคือถ้านับเป็นงานภาคต่อภาคนี้ไม่ควรถูกสร้างออกมา  และอีกหนึ่งคือถ้ามองว่านี่คือหนังอีกเรื่องหนึ่งนี่ก็คือหนังที่ดูสนุกในอารมณ์บูชาครูและเคารพของเก่า ดูหนังใหม่

 

 

เหตุผลของความรู้สึกแรกคือเรื่องมันจบลงอย่างลงตัวแล้วและการหาเหตุให้เล่าต่อมันสัมผัสได้ถึงการดันทุรังจนดูยัดเยียด  และด้วยบทที่ดูพยายามอย่างหนักที่จะโยงแต่ดูจับยัดก็เลยทำให้ไม่รู้สึกว่าเป็นการต่อกันติดสนิท  แต่สำหรับเหตุผลของความรู้สึกหลังนี่ก็คืองานที่สนุกบนสีเสื้อของ The Matrix ที่เคารพของเดิมทั้งอารมณ์ปรัชญา และความงุนงง จึงไม่ต่างจากการดูงานมัดรวมอย่าง The Animatrx (2003) ที่ดูสนุกและเป็น The Matrix แต่มันคือเหตุการณ์อื่น

ซึ่งในความพยายามโยงนั้นมีมาหมดทั้งชิ้นส่วนเดิมที่มาเติมชิ้นส่วนใหม่ทำให้มีอารมณ์ถวิลหาอดีต  แต่ด้วยพล็อตที่เหมือนเอาของเก่าภาคแรกมายำใหม่เลยทำให้คนที่ดูมาหลายรอบรู้สึกไม่ตื่นใจแม้จะมีอะไรพลิกในตอนท้ายก็ตาม  แต่ที่ตื่นตาคือฉากแอ็คชั่นที่ทำมาดีดูสนุกหวือหวาเร้าใจในมุมกล้องที่สัมผัสได้ถึงของเดิม ทำให้แม้จะดูงงๆว่าอะไรทำไมแต่หนังก็ยังเดินหน้าไปได้อย่างสนุก

ซึ่งข้อดีก็คือคนที่ไม่ได้ดูงานไตรภาคแรกมาก็ยังดูรู้เรื่อเพราะยังมีอรรถาธิบายถึงที่มาในบางเรื่องเพื่อมีที่ไปในบางเรื่อง  และเหมือนจะรู้ตัวว่ายุคนี้ผู้ชมจะมีความอดทนน้อยกว่ายุคนั้นก็ไม่มัวมาปรัชญาลึกจนเต็มไปด้วยบทสนทนาแต่ว่าแค่พอมีให้สัมผัส จึงทำให้หนังมีพลังเดินหน้าไปสู่จุดที่ผู้ชมอยากรู้และเฉลยได้ถูกเวลาคือไม่นานเกินรอ  ประกอบกับนี่คืองานแอ็คชั่นไซไฟและด้วยเทคโนโลยีจึงทำให้ดูดีขึ้นสนุกขึ้นสำหรับคนรุ่นใหม่แน่นอน  แต่กับคนรุ่นผู้เขียนกลับรู้สึกอีกอย่าง  หนังใหม่

 

 

 

ความรู้สึกหลังดูหนังTHE MATRIX 4 RESURRECTIONSเดอะ เมทริกซ์ เรเซอเร็คชั่นส์

 

แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่คิดว่าลานา วาชอว์สกีจะทำก็คือการเอาภาพฟุตเทจของหนังทั้ง 3 ภาคมาแทรกไปตลอดการดำเนินเรื่องเพื่อให้คนดูต่อติดว่าหนังกำลังจะเดินเรื่องเชื่อมโยงกับหนังภาคเก่า ๆ เพราะบทหนังที่ลานาไปลาก เดวิด มิตเชลล์ (David Mitchell) คนแต่งนิยาย ‘Cloud Atlas’ ที่เคยดัดแปลงบทหนังให้เธอ และยังมาร่วมงานกับอเล็กซานเดอร์ เฮมอน (Aleksandar Hemon) เขียนบท ‘Sense8’ ซีรีส์ดรามาเชื่อมจิตทาง Netflix มาเขียนบท ‘The Matrix Resurrections’ ภาคนี้ ซึ่งต้องบอกว่ามีแนวคิดหลายอย่างที่หนังกล้าหาญที่จะ “เล่น” ตัวเองและวิพากษ์ว่า ‘The Matrix’ คืออะไรกันแน่

นั่นเลยทำให้หนังครึ่งแรกเต็มไปด้วยบทสนทนาที่จะต้องปูทั้งอาชีพของนีโอที่เป็นคนออกแบบเกมและชีวิตใหม่ของทรินิตี รวมไปถึงที่มาของเหล่ากลุ่มกบฏใหม่ที่มีนีโอเป็นไอดอล รวมไปถึงที่มาของมอร์เฟียสคนใหม่ที่หนังให้ ยายาห์ อับดุล-มาทีนที่ 2 ล้อเลียนแอ็กติงของ ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น (Laurence Fishburne) อย่างคึกคะนองเลย รีวิวหนังออนไลน์

 

 

ต้องเดินหน้าด้วยความเร็วเหมือนรถติดบนทางด่วนที่เห็นจุดหมายข้างหน้าไปไหนไม่ได้ แถมยังมีฟุตเทจหนังไตรภาคแรกมาตอกย้ำอีกว่าบทหนังที่พยายามคงไว้ทั้งปรัชญา ความเป็นแอ็กชันไซไฟ หรือฉากโชว์กังฟูยังไม่อาจเทียบเคียงกับหนัง 3 ภาคแรกได้เลย

และเช่นเดียวกันสิ่งที่หนังเพิ่มเข้ามาอย่างฉากการถกเถียงกันของทีมพัฒนาเกมที่มุ่งหาความหมายของเดอะแมทริกซ์ ก็ยิ่งทำให้คนที่ไม่เคยดูหนังสับสนเสียเปล่า ๆ และผม “กล้าสปอยล์” เลยว่าฉากหลังเอนด์เครดิตลานายังเลือกให้เราเสียเวลารอดูเครดิตยาว ๆ เพื่อฉากที่ไม่ได้มีประโยชน์ในการเล่าเรื่องนี้อีก ส่วนตัวเลยคิดว่าหากบทหนังสามารถแทรกแนวคิดใหม่ ๆ เข้าไปในเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกันกว่านี้น่าจะดูฉลาดกว่า เสียดายฝีมือทีมเขียนบทเปล่า ๆ รีวิวหนังออนไลน์

 

 

สิ่งที่พอจะมาชดเชยความผิดบาปในหนังครึ่งแรกได้คงหนีไม่พ้นตอนที่นีโอไปโผล่ในโลกความเป็นจริงแล้ว เพราะต่อจากนั้นหนังก็ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเล่าเรื่องจริง ๆ ทั้งการได้ไปสู้รบปรบมือกับวายร้ายรายใหม่อย่าง นักวิเคราะห์ (รับบทโดย นีล แพทริก แฮริส Neil Patrick Harris) และเอเจนต์สมิธ (รับบทโดยโจนาธาน โกรฟฟ์ Jonathan Groff) ที่ดูเหนือกว่าทุกทางจะเพิ่มความตื่นเต้นให้หนังได้บ้าง

หรือการได้รู้จักกับชุมชนไอโอ ชุมชนที่มนุษย์และเหล่าเซนเทียนต์หรือจักรกลฝ่ายดีร่วมงานกันสร้างสังคมยุคใหม่ แม้การได้เห็น จาดา พินเคตต์-สมิธ (Jada Pinkett Smith) เมกอัปเป็นไนโอบีตอนแก่จะดูเจ็บปวดไปหน่อย แถมบทของเธอก็แทบไม่เป็นชิ้นเป็นอันก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังส่งให้เรื่องเดินต่อไปถึงภารกิจช่วยเหลือทรีนิตีที่มีการดีไซน์ฉากแอ็กชันได้ใหญ่โตสมกับเป็นฉากฟินาเล่ ดีแต่ในภาพรวมก็ยังไม่มีฉากไหนที่น่าประทับใจหรือเป็นฉากจำเหมือนหนังต้นฉบับอยู่ดี

ว่ากันถึงนักแสดงหากตัดคีอานู รีฟส์กับแครี-แอนน์ มอสส์ออกจากหนังเราจะพบว่าบทหนังแทบไม่ส่งให้ใครเป็นตัวดำเนินเรื่องได้เลย แม้แต่เจสสิกา เฮนวิค สาวสวยจากซีรีส์ ‘Iron Fist’ และหนัง ‘Love and Monsters’ ที่อุตส่าห์ได้บทบั๊กส์ สาวผมสีฟ้าสักลายกระต่ายที่แขนหนังก็ยังไม่ได้ให้บทบาทเธอชัดเจนเพราะหลังจากเจอนีโอแล้ว บทบั๊กก็ถูกผลักเป็นตัวประกอบทันที รวมถึงการขนทัพนักแสดงหนุ่มสาวหน้าตาดีจากซีรีส์ ‘Sense8’ ที่วาชอว์สกีเป็นโชว์รันเนอร์ ก็ยังไม่มีใครมีบทบาทโดดเด่นสักคนเลยทำให้ ‘The Matrix Resurrections’ ยังไม่มีศักยภาพพอจะเป็นหนังเปิดไตรภาคใหม่ได้เท่าไหร่นัก