รีวิวหนังTop Gun Maverickท็อปกัน มาเวอริค
สวัสดีคับท่านผู้ชมที่น่ารักทุกคนเลย มาพบกับผมและการรีวิวหนังสุดมัน วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่อง Top Gun Maverickท็อปกัน มาเวอริค หลายคนคงเกิดทันและหลายคนคงได้ดูภาคแรกที่ออกฉายในปี 1986 แต่หลายคนก็อาจเหมือนผม คือได้มาดูทีหลัง แต่นั่นก็คงไม่สำคัญ เพราะไม่ว่าจะดูเร็วดูช้า ทุกคนก็สามารถจะอิ่มเอมได้กับภาคใหม่ ‘Top Gun: Maverick’ ชื่อไทย ‘ท็อปกัน: มาเวอริค’ ได้เหมือนๆ กัน
ครั้งนั้น ได้ Tony Scott นั่งแท่นกำกับ ครั้งนี้เป็น Joseph Kosinski ที่ทำหน้าที่นั้น ถ้ายังไม่รู้ว่าเคยดูหนังของเขามาก่อนหรือเปล่า งานกำกับเรื่องที่ผ่านๆ มาก็คือ ‘TRON: Legacy’, ‘Oblivion’ และ ‘Only the Brave’ โดยที่เรื่องนี้มีทั้ง Jerry Bruckheimer และ Tom Cruise พระเอกสุดหล่อของเรื่องร่วมกันเป็นโปรดิวเซอร์
หากจะให้รางวัลความทรหดอดทนกับหนังฟอร์มยักษ์เรื่องไหนคงหนีไม่พ้น ‘Top Gun : Maverick’ ที่ผ่านการตีลังกาหกสูง ทำวิถีโค้งต้านแรงโน้มถ่วงเพื่อรอโอกาสเหมาะ ๆ หลังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 เพื่อเข้าฉายให้ผู้ชมพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของหนังภาคต่อที่ทิ้งห่างมาถึง 36 ปี ดูหนังใหม่
ท่ามกลางข้อครหามากมายโดยเฉพาะความน่าหวาดหวั่นที่ว่าหนังแอ็กชันที่เต็มไปด้วยฮอร์โมนเพศชายแบบหนังยุค 80s จะยังมีที่ทางในตลาดหนังที่ถูกครองด้วยซูเปอร์ฮีโรหุ่นซิกซ์แพ็กและเอวเอสอยู่หรือไม่ ซึ่งถือเป็นบททดสอบที่ยากพอ ๆ กับเหล่านักบินที่ต้องผ่านสนามฝึกสุดโหดกลางเวหาเลยทีเดียว
ขนานมากับช่วงเวลาที่หนังภาคต่อเรื่องนี้ทิ้งห่างมา ในวันนี้พีท ‘มาเวอร์ริก’ มิตเชล (รับบทโดย ทอม ครูซ Tom Cruise) ยังคงจมปลักกับภาพอดีตอันแสนเลวร้ายที่ต้องเห็นเพื่อนร่วมบินอย่าง กู๊ส ตายไปต่อหน้าต่อตาเมื่อ 36 ปีก่อน
และเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อชะตาได้พามาเวอร์ริกมาเผชิญหน้ากับ แบรดลีย์ ‘รูสเตอร์’ แบรดชอว์ (รับบทโดย ไมล์ส เทลเลอร์) ลูกชายของกู๊สที่เข้ามายังท็อปกันเพื่อคัดเลือกเป็นนักบินในภารกิจเสี่ยงตายทำลายฐานผลิตอาวุธนิวเคลียร์มหาประลัย
หากชำแหละบทหนังของ ‘Top Gun : Maverick’ ในฉบับใหม่ของผู้กำกับ โจเซฟ โคซินสกี (Joseph Kosinski) ออกมาจริง ๆ มันก็คือพิมพ์เขียวของหนัง ‘Top Gun’ เมื่อ 36 ปีก่อนแทบไม่มีผิดเพี้ยน หลายอย่างที่หนังฉบับ โทนี สก็อตต์ (Tony Scott) ได้ทิ้งมรดกอันมีค่าไว้ตั้งแต่ไตเติลเปิดเรื่องที่กล่าวถึงโรงเรียนท็อป กัน ที่จบด้วยโลโก้ของหนัง
ฉากแอ็กชันผาดโผน ความเป็นฮีโรโรแมนติกของมาเวอร์ริกผ่านซีนขี่บิ๊กไบค์ไล่ไปกับฉากหลังที่เอฟ 18 กำลังพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ไปจนถึงเรื่องราวโรแเมนซ์ของมาเวอร์ริกที่ยังอุตส่าห์ไปขุดอดีตคนรักของเขาที่ถูกกล่าวถึงในบาร์ของหนังภาคแรกมาสานต่อเป็นตัวละครของ เจนนิเฟอร์ คอร์เนลลี หนังใหม่
รีวิวหนังTop Gun Maverickท็อปกัน มาเวอริค เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
หลังจากรับราชการเป็นนักบินระดับท็อปของกองทัพเรือมานานกว่า 30 ปี กัปตัน พีท มาเวอริค มิทเชลล์ (Tom Cruise/Tom Cruise จากหนังเรื่อง ‘The Mummy’, ‘Mission: Impossible – Fallout’ และ ‘Oblivion’) ก็กลับมาสู่ที่ของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้ เขากลับมาในฐานะผู้ฝึกหน่วยท็อปกันเพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษที่ยังไม่เคยมีนักบินที่ยังมีชีวิตอยู่เคยเห็นมาก่อน แม้แต่ตัวของเขาเอง มาเวอริคต้องเผชิญหน้ากับเรือโทแบรดลีย์ แบรดชอว์ (Miles Teller/ไมล์ เทลเลอร์) หรือ “รูสเตอร์” ลูกชายของเรือโทนิค แบรดชอว์ หรือ “กูส”
เพื่อนของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาต้องพบกับอนาคตที่ไม่แน่นอนและอดีตที่ตามหลอกหลอน มาเวอริคต้องเผชิญกับความกลัวที่ฝังลึกอยู่ และปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ ซึ่งภารกิจนี้ผู้ที่ได้รับเลือกให้ร่วมบินต้องเสียสละอย่างที่สุด
เรื่องราวจะเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ภาคแรก 30 กว่าปี ซึ่งในภาคนี้ Maverick (รับบทโดย Tom Cruise) ได้รับคำสั่งจากโรงเรียน Top Gun ให้กลับไปฝึกเหล่านักบินหัวกะทิรุ่นใหม่ เพื่อเตรียมตัวไปทำภารกิจสำคัญที่แทบเป็นไปไม่ได้ และหนึ่งในลูกศิษย์ที่เขาต้องสอนคือ Rooster (รับบทโดย Miles Teller) ลูกชายของ Goose เพื่อนสนิทของ Maverick ที่เสียชีวิตไปในภาคแรก
ซึ่งในด้านของ Rooster เขาเกลียด Maverick เพราะเชื่อว่า Maverick เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อเขาเสียชีวิต แถมตอนที่ Rooster สมัครเข้ากองทัพเรือครั้งแรก Maverick ยังไปดึงใบสมัครเขาออกอีก ทำให้เขาต้องเสียเวลาไปถึง 4 ปี เพื่อสอบเข้าใหม่ สิ่งเหล่านี้ทำให้ Rooster ไม่ชอบหน้า Maverick รีวิวหนังออนไลน์
ทว่าแท้จริงแล้ว ที่ Maverick ดึงใบสมัครของเขาออกนั้นมีเหตุผลอยู่ สุดท้ายแล้วทั้งคู่จะสานสัมพันธ์กันได้ไหม และภารกิจสุดหินที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ จะสำเร็จได้หรือไม่ บทสรุปของเรื่องราวในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง
นี่คือภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมง 11 นาที ที่อัดแน่นไปด้วยบทอันซาบซึ้งกินใจ การฝึกบินที่เข้มงวด ภารกิจที่โคตรเสี่ยงตาย ทั้งยังอบอวลด้วยบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยสร้างไว้ในภาคแรก เรื่องราวแต่คราวนั้นที่เล่าถึงนักบินผู้มีความสามารถแต่มีนิสัยมุทะลุและมักฝ่าฝืนคำสั่งอยู่เสมอ จนเขาไม่เคยเลื่อนตำแห่นงไปไกลกว่า ‘กัปตัน’ วันนี้ เขาได้รับภารกิจอีกครั้งหลังก่อเรื่อง และสิ่งที่เขาได้รับก็คือ
จะว่าไป ผมก็แทบจะลืมเรื่องราวในภาคก่อนไปจนเกือบหมดสิ้น หลงเหลือไว้บ้างพอกล้อมแกล้ม ทบทวนความจำก่อนดูหนังไปบ้างนิดหน่อย แต่ก็พบว่า มันเป็นหนังที่ไม่จำเป็นต้องดูภาคก่อนก็สามารถสนุกและอินไปกับเรื่องราวในนั้นได้ [แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าดูภาคแรกไปก่อน จะอินและเข้าใจตัวละครได้มากขึ้นไปอีก] เพราะหนังบอกเล่าเรื่องราวของ พีท หรือมาเวอริค คนที่เคยอยู่ในโรงเรียนท็อปกันนี่มาก่อน
แต่ความเป็นคนทำอะไรไม่คิดก็เลยไม่เคยก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ส่วนหนึ่งก็เพราะเขารักในหน้าที่ใน cockpit มากกว่านั่งโต๊ะบัญชาการ อีกส่วนก็เพราะนิสัยส่วนตัวนี่แหละที่สร้างความละเหี่ยใจมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็รอดทุกครั้งเพราะมี ‘ไอซ์แมน’ (Val Kilmer จากหนังเรื่อง ‘Top Gun’, ‘Heat’ และ ‘Red Planet’) คนที่เชื่อใจเชื่อฝีมือของเขา ดูหนังใหม่
ความรู้สึกหลังดูหนังTop Gun Maverickท็อปกัน มาเวอริค
พูดได้คำเดียวสำหรับเรื่องนี้ สนุกชิบมากกก ก.ไก่ ล้านตัว สนุกจนอยากดูซ้ำ เป็นภาคต่อที่เหนือกว่าภาคแรกอีก งานมันออกมาดีมากๆ แต่อ่านจากเบื้องหลังแล้ว ก็ไม่แปลกใจเลยจริงๆ ป๋าทอมแกทุ่มเทกับเรื่องนี้มาก เป็นหนังที่ดูได้ทุกคนจริงๆ เน้นความบันเทิง สนุกเต็มอิ่ม แต่ก็ไม่ไม่ได้ละทิ้งดราม่า
และการที่ภาคนี้เล่นกับเรื่องราวการเสียชีวิตของ Goose ในภาคแรกมันก็ดีมากๆ ยิ่งช่วยส่งให้ภาคแรกน่าจดจำขึ้นกว่าเดิมอีก และความเจ๋งคือ ภาคนี้ห่างจากภาคแรกเกือบ 40 ปี แต่กลับเขียนบทออกมาให้เชื่อมกันแบบไม่เคอะเขินเลย
ทุกอย่างมันลงตัวไปหมด ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ของพระเอกกับ Rooster (อันนี้ดีมาก) หรือความสัมพันธ์ของพระเอกกับเพื่อนเก่าอย่าง Iceman (ฉากงานศพคือดีเหมือนกัน) ชีวิตรักของพระเอก ส่วนนี้เป็นส่วนที่มาเสริมให้เราได้หัวเราะด้วยและมีมุมน่ารักๆ ช่วยให้หนังมันครบรสทุกอารมณ์ และสุดท้ายมิตรภาพของเหล่านักบิน อันนี้ก็สวยงามเช่นกัน ฉากเล่นวอลเลย์บอลริมหาดคือฉากที่ดีอีกฉากเช่นกัน คือมันดีมากจริงๆ หนังใหม่
ด้านการดำเนินเรื่อง ส่วนนี้ก็ดีไร้ที่ติเช่นกัน อย่างที่บอก ไม่มีฉากไหนน่าเบื่อเลย เล่าเรื่องดี กระชับเข้าใจง่าย อธิบายเทคนิคการบินให้เข้าใจอย่างง่ายดาย ถือว่าสุดยอดจริงๆ ทำการบ้านมาดี้มาก ต่อมาในด้านการแสดง ส่วนนี้ผมเฉยๆนะ ทุกคนแสดงได้ดีตามมาตรฐานทั่วไป ไม่ได้ดีเวอร์จดตราตรึงใจ แต่หนังเรื่องนี้ความดีงามมันไม่ได้อยู่ที่การแสดงไง
ดังนั้นการแสดงเอาแค่พอธรรมดาทั่วไปก็ได้ แต่ไปเน้นเรื่องอื่นๆ แทน ป๋าทอมก็แสดงเหมือนเรื่องที่ผ่านๆมา ฟิลเดิมเลย แต่มีอย่างที่คาใจ ทำไมป๋าแกหล่อขนาดนั้นวะ อายุ 59 แล้วนะนั่น ฉากเล่นวอลเลย์ที่แกถอดเสื้อนี่แบบ หุ่นแกแม้งอย่างฟิตเลย หล่ออมตะจริงๆ แต่แม้ว่าบทจะไม่ได้ส่งให้โชว์ฝีมืออะไรมากมาย แต่ก็ต้องให้เรื่องความทุ่มเทของนักแสดงทุกคนจริงๆ ในเรื่องการฝึกเพื่อมารับบท มันหินมากๆ เดี๋ยวแปะลิงก์ข่าวเบื้องหลังของเรื่องนี้ไว้ให้ด้านล่าง รีวิวหนังออนไลน์
สุดท้ายคือเรื่องงานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้ไม่มีอะไรจะติจริงๆ 10/10 ไปเลย งานสร้างโคตรอลังการ ฉากบินนี่มันส์ทุกฉากเลยจริงๆ และที่สำคัญคือมันสมจริงมาก เวลาบินแล้วเจอแรงจี จะเห็นหน้านักแสดงทุกคนเลย ว่ามันอึดอัดแค่ไหน และที่เป็นแบบนั้นก็เพราะป๋าทอมให้ขึ้นบินจริงๆ สีหน้านั้นก็คือความรู้สึกของนักแสดงจริงๆ มันเลยสมจริงมาก อย่างที่บอก
นักแสดงฝึกมาโหดทุกคน ส่วนด้านงานภาพก็ถ่ายออกมาอย่างดี สีแสงสวยงามทุกฉาก การตัดต่อ ลำดับเสียง ดีงามหมด เสียงเครื่องบินดังทั้งเรื่อง และเสียงได้อารมณ์มาก พื้นโรงหนังสั่นทั้งเรื่องอะคิดดู เพลงประกอบก็ดีงามเหมือนเคย ขอสรุปเลยแล้วกัน โดยรวมดีงามจริงๆ บทลงตัว มีครบทุกรสชาติ ความรัก มิตรภาพ ความบันเทิง สนุกจริงๆ