รีวิวหนังSenior Year ปีสุดท้าย

 

 

ได้เวลามาที่เราจะมาเจอกันอีกแล้วนะคับ ท่านผู้ชม กลับมาพบกับผมและการรีวิวหนังสุดมัน วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่อง Senior Year ปีสุดท้าย เรียกได้ว่า ‘Senior Year’ หรือ ‘ปีสุดท้าย’ เป็นหนัง Netflix ที่น่าสนใจและแตกต่างอีกเรื่องของปีนี้เลยครับ เพราะว่าตัวหนังตั้งใจและตั้งทรงให้เป็นหนังแนววัยรุ่น หรือแนวไฮสคูลแห่งปี 2022 ที่มีกลิ่นอายคล้ายว่าจะหลุดมาจากยุค 90’s ยังไงยังงั้นแหละ รวมทั้งตัวพล็อตที่ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว และน่าจะเรียกความน่าสนใจสำหรับคนดูที่เคยผ่านวัยว้าวุ่นรุ่นยุค 2000 มาแล้วโดยเฉพาะ

มีภาพยนตร์วัยรุ่นที่ดีหลายเรื่องมากใน Netflix แต่ก็นานๆจะเกิดขึ้น อย่างเรื่องนี้พล็อตต่าง ๆ ค่อนข้างจะเชยและซ้ำซากแต่เรื่องนี้สามารดึงดูดความสนใจโดยนักแสดงนำอย่าง Rebel Wilson ที่เคยแจ้งเกิดจากหนังคอมเมดี้มาหลายเรื่อง มาเรื่องนี้อย่าง Senior Year ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย Rebel Wilson ในฐานะกัปตันเชียร์ระดับไฮสคูลที่ตื่นขึ้นมาจากอาการโคม่า 20 ปี

โดยคิดว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ในปี 2002 Netflix ที่ได้เผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 เมื่อไม่นานมานี้ เป็นผลงานการกำกับของ อเล็กซ์ ฮาร์ดคาสเซิ่ล และเขียนบทโดย Andrew Knauer และ Arthur Pielli ดูหนังออนไลน์

 

รีวิวหนังSenior Year ปีสุดท้าย

 

ตัวหนังเรื่องนี้เป็น Netflix Original ผลงานของค่าย ‘Paramount Players’ แม้เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ถือว่าหน้าหนังดึงดูดแบบชวนว้าวดัง ๆ แต่ก็ถือว่ายังดีที่ได้นักแสดงอย่าง ‘เรเบิล วิลสัน’ (Rebel Wilson) เจ้าของบท ‘แฟต เอมี’ (Fat Amy) นักร้องสาวอวบสุดฮาในหนังไตรภาค ‘Pitch Perfect’ ที่น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีมารับบทตัวเอกของหนัง และได้ ‘อเล็กซ์ ฮาร์ดแคสเซิล’ (Alex Hardcastle) ผู้กำกับที่เคี่ยวกรำงานกำกับทีวีซีรีส์นับสิบเรื่อง มาชิมลางกำกับภาพยนตร์เรื่องยาวเป็นครั้งแรกอีกด้วย

ความน่าสนใจหลักที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นกลิ่นอายของบรรยากาศช่วงปลายยุค 90’s และยุคปี 2000 นี่แหละครับ เป็นหนังที่มีความเป็นสูตรสำเร็จที่มีกลิ่นอายจากหนังไฮสคูลยุค 90’s ทั้ง ‘Mean Girls’ (2004) และ ‘Clueless’ (1995) รวมทั้งยังมีกลิ่นอายไซไฟ ปมของผู้ใหญ่ที่ต้องใช้ชีวิตเด๋อ ๆ ท่ามกลางวัยรุ่นอย่าง ‘Freaky Friday’ (2003) รวมทั้งความเป็นหนังฟีลกู้ดทั้งหลายแหล่ที่เราคุ้นเคยกันดี ดูหนังฟรี

 

รีวิวหนังSenior Year ปีสุดท้าย

 

รีวิวหนังSenior Year ปีสุดท้าย เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ

 

Senior Year ปีสุดท้าย เล่าเรื่องราวของสเตฟานี คอนเวย์ เด็กสาวที่ย้ายมาจากออสเตรเลียเข้ามาเรียนอยู่ในเมืองใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ในช่วงแรกนั้น เธอต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้มีตัวตนในสังคมเด็กมัธยมปลาย ทนกับการล้อเลียนสำเนียง และมีความใฝ่ฝันว่าอยากเป็นดาวดังของโรงเรียน จนเมื่อเธอเรียนอยู่ในชั้น ม.6 เธอก็เรียนรู้ที่จะเป็นคนดัง โดยเริ่มจากเป็นหัวหน้าทีมเชียร์ลีดเดอร์ รู้จักการหว่านเสน่ห์ การวางตัว การคบผู้คน และมีแฟนเป็นดาวเด่นของโรงเรียน

ในช่วงก่อนที่จะจบการศึกษา โรงเรียนได้จัดงานพรอม เธอก็หวังว่าจะเป็นเจ้าหญิงแห่งงานพรอมให้ได้ด้วย ก่อนถึงวันงานเธอคิดจะจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านริมทะเลสาบของเพื่อนสนิทที่ชื่อว่ามาธาร์ เรเซอร์ แต่กลับกลายเป็นว่าทิฟฟานี แบลนเช็ตต์ คู่แข่ง หนึ่งงในดาวเด่นของโรงเรียนอีกคนได้จัดงานปาร์ตี้ตัดหน้าเธอก็ก่อน

แล้วเหตุการณ์ก็ไปพีคถึงขั้นสุดตรงที่วันแสดงเชียร์ลีดเดอร์ให้กับนักเรียนใหม่ชม ทิฟฟานี ได้วางแผนบางอย่างกับการแสดงจนทำให้สเตฟานี่เกิดอุบัติเหตุ แล้วก็นอนโคม่าในโรงพยาบาลไปจนถึง 20 ปี

20 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก อยู่ดี ๆ สเตฟานี่ก็ตื่นจากโคม่า เธอตื่นขึ้นมาในอายุ 37 ปี แต่ก็โชคร้ายที่เธอโตแต่อายุแต่สมองของเธอยังอยู่ในวัย 17 เท่านั้น เธอพบว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด เพื่อนสมัยนักเรียนของเธอก็โตเป็นผู้ใหญ่มีหน้าที่การงานที่ดีเช่น มาธาร์ เป็นครูใหญ่ของโรงเรียนที่เธอเรียนในมัธยม และเซ็ธเพื่อนชายที่เป็นครูและบรรณารักษ์ของโรงเรียน ดูหนังออนไลน์

 

 

เธอต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างเช่นโทรศัพท์สมาร์ทโฟน โลกในสังคม Social media หรือรู้ว่า Fast and Furious มีถึง 9 ภาคแล้ว อย่างไรก็ตาม ความทรงจำในวัยเด็กอายุ 17 ปีของเธอก็ยังเป็นความฝันที่เธออยากจะทำเป็นให้ได้ และเธอต้องหาทางชดเชยช่วงเวลา 20 ปีที่ขาดหายไป ดังนั้นเธอจึงตั้งปณิธานว่า

จะต้องกลับไปเรียนหนังสือในชั้นมัธยมให้จบ ต้องหาเพื่อนให้ได้ หาคนติดตามในโลโซเชียลมีเดียให้ได้ เป็นหัวหน้าทีมเชียร์ลีดเดอร์ และต้องเป็นราชินีงานพรอม

ซึ่งสเตฟานี่ อายุ 37 ปีแต่มีความรู้สึกนึกคิดเท่ากับเด็กอายุ 17 ปีนั้น จะทำความฝันของเธอให้สำเร็จได้หรือไม่ ก็ขอให้ไปติดตามรับชมใน netflix เองนะครับSenior Year ปีสุดท้าย นับเป็นส่วนผสมของหนังวัยรุ่นมัธยมยุค 90s อย่างแท้จริง และอนุภาคส่วนใหญ่ของเรื่องนั้นก็เชยแสนเชย ที่หนังเลิกใช้ไปแล้วเกือบ 20 ปี เช่นว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยว

การแยกแก่งแย่งชิงดีของนักเรียนหญิงที่จะเป็นคนดังของโรงเรียน ชิงเด่นในด้านความสามารถ ความสวย และการถูกยอมรับ พูดถึงวิธีการเข้าสู่การเป็นคนดังโดยเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน มีแฟนหนุ่มสุดฮอตเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน และเป้าหมายสูงสุดก็คือเป็นดาวเด่นงานพรอม และเรื่องราวก็ไปจบตรงที่พิธีใชเกียรติบัตรจบการศึกษา ก็นับว่าปีสุดท้ายนั้นเป็นอะไรที่เข้าสูตรหนังยุค 90 แท้ ๆ ดูหนังฟรี

 

 

ความรู้สึกหลังดูหนังSenior Year ปีสุดท้าย

 

ความน่าสนใจหลักที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นกลิ่นอายของบรรยากาศช่วงปลายยุค 90’s และยุคปี 2000 นี่แหละครับ เป็นหนังที่มีความเป็นสูตรสำเร็จที่มีกลิ่นอายจากหนังไฮสคูลยุค 90’s ทั้ง ‘Mean Girls’ (2004) และ ‘Clueless’ (1995)

รวมทั้งยังมีกลิ่นอายไซไฟ ปมของผู้ใหญ่ที่ต้องใช้ชีวิตเด๋อ ๆ ท่ามกลางวัยรุ่นอย่าง ‘Freaky Friday’ (2003) รวมทั้งความเป็นหนังฟีลกู้ดทั้งหลายแหล่ที่เราคุ้นเคยกันดี

รวมทั้งใครที่อยู่ในยุคมิลเลนเนียล หรือที่เรียกว่าคนเจนวาย ก็น่าจะอินกับหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยากครับ โดยเฉพาะองค์ประกอบต่าง ๆ ในหนัง ทั้งงานโปรดักชัน สิ่งของ ไดอะล็อก และ Pop Culture ของยุคนั้นมาขยี้ แซะ คุมโทน รวมทั้งการนำเอาเพลงฮิตยุค 90’s จนถึง 2000 มาประกอบหนังแบบจัดเต็ม ชนิดที่ว่าดักแก่คนวัย 30 ให้ดูแล้วร้องตามได้อย่างไม่ขัดเขินเลยแหละ

อีกจุดที่น่าสนใจก็คือตัวพล็อตที่ปูเอาไว้ได้น่าสนใจ โดยเฉพาะความโก๊ะกังของสเตฟานี ที่ต้องตื่นขึ้นมากลายเป็นสาววัยเกือบ 40 หลังจากนอนเป็นผักมา 20 ปี เจ๊แกก็เลยต้องเจอ Culture Shock แห่งยุค 2022 เข้าอย่างจัง ทั้งเทคโนโลยีสมาร์ตโฟน ประเด็นทางสังคมที่เปลี่ยนไป การบุลลีเป็นสิ่งต้องห้าม รีวิวหนังออนไลน์

 

 

การเต้นเชียร์ลีดเดอร์ด้วยท่วงท่าลูบไล้เรือนร่างตัวเองกลายเป็นสิ่งน่าเกลียด รวมทั้งการมาของโซเชียลมีเดียที่ทำให้คนยุคนี้ สนใจยอด Followers มากกว่าการสั่งสมพาวเวอร์จากการมีเพื่อนในโรงเรียนเยอะ ๆ เหมือนในสมัยก่อน

อีกจุดที่ผู้เขียนชอบในหนังเรื่องนี้ก็คือ การเล่าเรื่องความแตกต่างของคนในแต่ละยุคสมัยได้อย่างดีมาก ๆ โดยเฉพาะมุมมองของการแก่งแย่งแข่งขัน ชนชั้นวรรณะของคนในโรงเรียน ตัวหนังก็เลยเล่าด้วยการให้สเตฟานีต้องต่อสู้กับลูกสาวของทิฟฟานี อดีตคู่แข่ง ซึ่งถ้ามองกันดี ๆ จริง ๆ แล้วลูกสาวของทิฟฟานี เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ได้สนใจการแข่งขันอะไรทำนองนี้แล้ว แต่ทิฟฟานีนี่แหละที่ยุให้ลูกเป็นตัวหมากแก้แค้นแทนแม่ คล้ายจะสื่อว่า มีแต่คนรุ่นแม่ ๆ นี่แหละที่โตแต่ตัว แต่ไม่ยอมมูฟออนเรื่องงี่เง่าพวกนี้เสียที

โดยสรุปแล้ว แม้ตัวหนัง ‘Senior Year’ จะชวนให้ร้องว่า ‘อีหยังวะ’ ไปตลอดทาง แต่โดยรวมก็ยังถือว่าเป็นหนังฟีลกู้ดฟีลใจที่มีมุกห่าม ๆ ให้พอบันเทิง และมีสารเข้ม ๆ เอาไว้ให้เก็บไปคิดต่อในแบบฉบับหนัง Coming-Of-Age ด้วย เพียงแต่ว่าอาจจะต้องอาศัยเคี้ยวละเอียด ๆ แล้วคายชาน (ที่กินไม่ได้) ทิ้งเยอะอยู่สักหน่อย ไม่ถึงกับเป็นหนังที่ห้ามพลาด แต่น่าจะเหมาะกับคนยุคมิลเลนเนียลเอาไว้ถอดสมอง เคี้ยวป๊อปคอร์นแล้วนั่งดูเพลิน ๆ เอ็นจอย ผ่อนคลายจากเรื่องราวชวนอีหยังวะในชีวิตได้ดีพอสมควร