รีวิวหนังSkylines สงครามสกายไลน์ดูดโลก ภาค3

 

 

สวัสดีคับมาพบกับ และ การรีวิวหนังสุดมัน วันนี้จะพาท่านผู้ชมมา ดูรีวิวหนังAction สุดมันอย่างเรื่อง Skylines สงครามสกายไลน์ดูดโลก ภาค 3 โดยกลับมาอีกครั้ง… เพื่อเติมเต็มเป็นหนังไตรภาคฉบับสมูบรณ์ หนังสงครามฝ่าฟันระหว่างมนุษย์กับเอเลี่ยนที่ไม่น่าเชื่อว่าจะยังคงเป็นหนังในแฟรนไชส์หนังแอคชั่นไซไฟนอกสายตาที่ยังคงได้ไปต่ออยู่ถึงปัจจุบัน เรากำลังพูดถึงSkylines สงครามสกายไลน์ดูดโลก ภาค 3” ที่วางตัวเป็นหนังมหาสงครามจักรวาลที่ใช้ทุนน้อยๆ แต่เน้นฮุกหมัดใส่หนักๆ แต่ภาคนี้จะยังคงไปต่อไหวหรือไม่…?

ก่อนอื่นคงจะต้องสารภาพกับผู้อ่านก่อนว่า หนังไตรภาคชุด Skyline เรื่องนี้ จำได้ว่าเคยดูภาคแรกที่ออกฉายในปี 2010 ตอนนั้นยังเป็นแค่หนังเอเลี่ยนบุกโลกธรรมดาๆ ที่ใช้ทุนไม่เยอะแต่งานสร้างออกมาค่อนข้างน่าพอใจ แม้ว่าตัวหนังจะไม่ได้ดิบดีอะไรเลย เพราะดังนั้นเมื่อภาคที่ 2 ตามออกมาใน 6-7 ปีถัดมา ยอมรับว่าไม่เคยดูภาคนี้มาก่อน แต่ดันข้ามมาดูภาคที่ 3 เลย

แต่ทั้งนี้ก็พอจะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับสรรพคุณในภาคที่แล้วมาพอประมาณ ดังนั้นจึงจะขอยกเว้นไม่นำหนังในแต่ละภาคมาเปรียบเทียบกัน บทวิจารณ์หนังในครั้งนี้จะเน้นเฉพาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน สกายไลน์ 3 ภาคนี้เพียงเท่านั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็ถือว่าไม่ดี แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ตามประสาหนังแอคชั่นไซไฟที่ไม่ใช่มีทุนสร้างซับพอร์ตอะไรมากมายนัก ดูหนังออนไลน์

 

รีวิวหนังSkylines สงครามสกายไลน์ดูดโลก ภาค3

 

รีวิวหนังSkylines สงครามสกายไลน์ดูดโลก ภาค3 เรื่องย่อ/เนื้อเรื่อง

 

สงครามสกายไลน์ดูดโลก ภาค 3 เล่าเรื่องราวของการล้างแค้นของมนุษย์ที่ก่อตั้งทีมทหารที่นำทีมด้วย มนุษย์ลูกครึ่งเอเลี่ยนอย่าง โรส คอร์ลีย์ ที่เธอนั้นมีพลังเหนือมนุษย์เพื่อบุกไปยังดาวของเอเลี่ยนเพื่อทำภารกิจ กำจัดเหล่าเอเลี่ยน เพื่อเป็นการล้างแค้น จากเมื่อ 5 ปี ที่แล้วที่พวกเอเลี่ยนมาบุกทำลายล้างโลก  หลายปีผ่านไปภายหลังจากที่มนุษย์ต่างดาวบุกโลก อดีตผู้รุกรานจากนอกโลกได้เปลี่ยนแปลงชีววิทยาของตนเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างสงบสุข แต่เมื่อไวรัสร้ายปรากฏขึ้น มนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ก็เริ่มเปลี่ยนกลับไปสู่การล่าฆ่ามนุษย์โดยไม่อาจหยุดยั้งได้ เพื่อกอบกู้โลก กัปตันโรส คอร์ลีย์ ลูกครึ่งมนุษย์-เอเลี่ยนผู้มีพลังพิเศษ ต้องนำทีมทหารชั้นยอดออกปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายสุดขอบอวกาศ ณ ดาวเคราะห์ของเอเลี่ยนสุดอันตราย ดูหนังฟรี

 

รีวิวหนังSkylines สงครามสกายไลน์ดูดโลก ภาค3

 

หนังเปิดฉากมาด้วยการเล่าย้อนสรุปใจความคร่าวๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคที่ 2 ในจุดนี้ถือว่าเป็นส่วนที่น่าพอใจ สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามหรือดูภาคที่แล้วมาก่อน เป็นการเล่าเหตุการณ์แบบย่อๆ ไม่ลงรายละเอียดมาก และยังเป็นการแนะนำตัวละครเอาไว้ในเบื้องต้นด้วย แน่นอนตัวละครหลักอย่าง ‘กัปตันโรส’ นักสู้สาวที่ไม่ใช่มนุษย์เสียทีเดียว ที่นำแสดงโดย “ลินด์เซย์ มอร์แกน” กลับมารับบทเดิม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Skylines เรื่องนี้นั้น เป็นช่วงเวลาหลายปีผ่านไป หลังจากที่มนุษย์ต่างดาวบุกโลก อดีตนักฆ่าจากนอกโลกได้เปลี่ยนแปลงชีววิทยาของตน เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างสงบสุข แต่เมื่อไวรัสร้ายปรากฏขึ้น มนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ก็เริ่มเปลี่ยนกลับไปสู่การล่าฆ่ามนุษย์โดยไม่อาจหยุดยั้งได้ เพื่อกอบกู้โลก กัปตันโรส คอร์ลีย์ ลูกครึ่งมนุษย์-เอเลี่ยนผู้มีพลังพิเศษ ต้องนำทีมทหารชั้นยอดออกปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายสุดขอบอวกาศ ณ ดาวเคราะห์ของเอเลี่ยนกลุ่มนั้น ดูหนังออนไลน์

 

รีวิวหนังSkylines สงครามสกายไลน์ดูดโลก ภาค3

 

ความรู้สึกหลังดูหนังSkylines สงครามสกายไลน์ดูดโลก ภาค3

 

ยอมรับว่าหลังจากดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบแล้ว ผิดคาดกว่าที่หวังไว้เยอะพอสมควร ตัวภาพนตร์ดำเนินไปอย่างราบเรียบในช่วงต้นๆ และ ทวีความตื่นเต้นไปเรื่อยๆ ให้เราคอยลุ้นกับการหนีอย่างสุดชีวิตของผู้รอด ที่คอยหลบพวกมนุษย์ต่างดาวที่มาคราวนี้เก่งเหลือหลาย ในขณะที่คนดูก็ลุ้นระทึกไปกับตัวหนังด้วยนั้น ในหัวสมองอีกข้างหนึ่งของคนดูก็คงจะคิดว่า

มนุษย์ต่างดาวมันเก่งออกปานนี้ ตอนสุดท้ายมันจะพบจุดจบด้วยอะไรนะ ก็เหมือนหนังมนุษย์ต่างดาวทั่วๆไปถึงแม้ว่าจะเก่งสักแค่ไหนท้ายสุดแล้วก็แพ้ มนุษย์ชาติอยู่ดี คิดไปถึงนั้นเลย แต่…. ตอนจบ….ใครที่เคยสงสัยว่า คำว่า “ตกม้าตายตอนจบ” เป็นอย่างไร เรื่องนี้เลยครับ สมกับคำว่า ตกไม้ตายตอนจบจริงๆ

จากคะแนนที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆอาจจะถึง 9 แล้ว แต่พอตอนจบ อยากให้หนังเรื่องนี้ ได้ 3 คะแนนเสียจริงๆ แต่ก็เกรงใจ ให้ 5 ก็แล้วกัน เพราะถ้าตัดฉากจบตรงนี้ไป ในส่วนอื่นๆก็ยังมีดีอยู่อีกเยอะ อย่างเช่นฉาก CG ต่างๆ ทำได้เนียน และ สวยมาก ตัวยานลูกมนุษย์ต่างดาว เหมือนแมงกระพุนหรือปลาหมึกนี้แหละ แต่ทำได้สวยดี นักแสดงอย่าง เอริค บัลโฟร์ เรื่องนี้รับบทเป็นจาร์รอด ดูหนังฟรี

 

 

เขาเล่นภาพยนตร์มากี่เรื่องๆ ก็เจอแต่บทโหดๆ อย่างนี้แทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องก่อนหน้านี้อย่าง The horemen (อำมหิต 4 สะทาน) หรือ The Texas Chainsaw Massacre (ล่อ…มาชำแหละ) ก็ได้รับบทโหดไม่แพ้กันผมว่าเขาเป็น นักแสดงที่เล่นได้ดีเป็นธรรมชาติอีกคน และ ตอนนี้ก็มี ภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่กำลังถ่ายทำอยู่โดยเขาได้ เป็นตัวเอกของเรื่องด้วย เรียกว่ากำลังมาแรงเลยทีเดียว

ส่วน สก็อตตี้ ธอมป์สัน รับบทเป็น อีเลน แฟนสาวของ จาร์รอด สำหรับเธอคนนี้ ใครที่เป็นแฟนซีรี่ย์อเมริกา คงรู้จักเธอดีเพราะเธอเล่นซีรี่ย์สุดฮิตมาหลายเรื่อง แล้วเช่นกัน กับบทอีเลนเดี๋ยวผีเข้าผีออกแต่ในส่วนลึกๆแล้วเธอก็ ยังคงรัก จาร์รอดเป็นชีวิตจิตใจ กับบทยากๆของเรื่องนี้ เธอก็เล่นได้ดีอย่างไม่มีที่ติเช่นกัน กับนักแสดงอีก 3 คนที่เป็นตัวเอก อย่าง โดนัลด์ ไฟสัน ที่รับบทเป็น เทอร์รี่ เจ้าของงานวันเกิดงานปาร์ตี้บนคอนโดสุดหรู และ แฟนสาว แคนดิส (บริตตานีย์ แดเนียล) ส่วนอีกคน เดวิส ซาบัส รับบทเป็น โอลิเวอร์ไม่รู้เป็นใครมาจากไหน อยู่ๆก็โผล่ออกมา

คาดดว่าน่าจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในคอนโดแห่งนี้ด้วย แต่ก็เป็นตัวเอกเหมือนกัน ดูแล้วนักแสดงแต่ละ คนก็ผ่านงานแสดงมาแล้วหลายเรื่อง แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นหนังเกรด B แทบทั้งสิ้น ถือว่าการมาแสดงหนังเรื่องนี้ของทั้ง 5 คนกับหนังเกรด A อย่าง “SkyLine” เป็นก้าวใหม่ของพวกเขาที่รอให้เราพิสูจน์ว่า พวกเขาจะไปถึงดวงดาวหรือเปล่า

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูสนุดตื่นเต้นดี ตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงก่อนจบ 10 นาที ถ้าไม่รวม 10 นาทีสุดท้ายแล้ว จะเป็นหนังที่ดูสนุกมาก แล้วทำไมไม่ตัด 10 นาทีสุดท้ายทิ้ง ตัดไม่ได้ครับเพราะถ้าตัดหนังก็ไม่จบ แต่ที่จบก็คือ “จบแบบนี้เลยเหรอ”..แม้ตอนจบจะเป็นการจบแบบทิ้งเชื้อ ไว้ว่ามีต่ออีกภาคแน่นอน เพราะว่าภาคนี้ รีวิวหนังออนไลน์

 

 

มนุษย์ต่างดาวยังไม่ตายเลยสักตัว .เข้าใจว่า ผู้เขียนบท เลียม โอดอนเนล และ โจชัว คอร์เดส ต่างก็เป็นนักเขียนบทหน้าใหม่ด้วยกันทั้งคู่ อาจจะคิดไม่ออกแล้วว่า ตอนจบให้มันจบอย่างไรดี ก็เลยจบไปดื้อๆอย่างนั้น แต่ถ้ามีเหตุผลอื่น

ก็คงเป็นเหตุผลที่เข้าใจยากมากทีเดียว เอาเป็นว่าถ้าไม่คิดอะไรมากก็อยากเชิญชวนไปดูเรื่องนี้ ไม่แน่ ผมอาจจะไปดูอีกรอบหนึ่งก็ได้ ถึงแม้ว่าจะขัดใจตอนจบเล็กน้อยอย่างนี้ก็เถอะ เพราะการดำเนินเรื่องอย่างที่บอกสนุกดี มนุษย์ต่างดาวเก่งดีแปลกตาดี และ ก็เป็นครั้งแรกเลยครับ ที่ผมดูภาพยนตร์จบแล้วคนดูข้างๆ ผม ลุกขึ้นมาพร้อมคำสรรเสริญเรื่องนี้ว่า “เฮ้ย..(สัตว์เลื้อยคลาน)..เอ๊ย” แฮ่ๆ หวังว่าถ้าผมเข้าไปดูรอบที่สองคงไม่ได้ยินคำนี้อีกนะครับ

สรุปหนัง สงครามสกายไลน์ดูดโลก ภาค 3 ถือว่าเป็นหนังแอ็คชั่นไซไฟที่สร้างความบันเทิงได้ในระดับหนึ่งค่ะ ถึงแม้หนังจะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ด้วยบทหนังที่ไร้มิติ และการนำเสนอตัวละครต่างๆ ที่ยังทำได้ไม่ค่อยดี แต่ก็มีงานสร้างที่พอใช้ได้อยู่ และสำหรับคอหนังที่ติดตามหนังชุดนี้มาตั้งแต่ต้น ภาคนี้ก็น่าจะเป็นอีกภาคที่น่าติดตามค่ะ และหนังยังปูทางไปสู่ภาคใหม่เอาไว้อย่างเซอร์ไพรส์อีกด้วย