รีวิวหนังCHAOS WALKING จิตปฏิวัติโลก

 

 

มาพบกันอีกครั้ง กับผมและการรีวิวหนังสุดมัน วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่อง CHAOS WALKING จิตปฏิวัติโลก ได้อิงมาจากงานเขียนนิยายเล่มแรกของ แพทริก เนสส์ เล่มที่ชื่อว่า ‘The Knife of Never Letting Go’ ที่เล่าเรื่องราวของโลกอนาคตดิสโทเปีย เกิดเชื้อโรคแปลกประหลาดคร่าสิ่งมีชีวิตเพศหญิงจนหมดสิ้น ส่วนผู้ชายทุกคนที่เหลืออยู่จะเกิดอาการบางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมตัวได้ ทุกความคิดในหัวมันจะถูกถ่ายถอดออกมาเป็นภาพ กระทั่งวันหนึ่ง “ทอดด์ ฮิววิต” เด็กหนุ่มที่ออกเดินทางพร้อมกับสุนัขตัวโปรดได้พบกับ “ไวโอล่า” ผู้หญิงคนแรกในชีวิต สิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เจอ เหตุการณ์นี้นำไปสู่เรื่องราวแห่งการร่วมผจญภัยค้นหาความลับอีกจักรวาลของโลก และหนีให้พ้นจากอานุภาพของเดอะ นอยซ์

Chaos Walking ฉบับภาพยนตร์ กำกับโดย Doug Liman (จาก Edge of Tomorrow) สร้างจากนิยายดิสโธเปียของ Patrick Ness เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกอนาคต ตัวละครดำเนินชีวิตบน New World ซึ่งเป็นดาวดวงใหม่นอกโลก พวกเขาตั้งรกรากกันในชื่อ Prentisstown ซึ่งตั้งชื่อตามผู้นำ Mayor Prentiss (Mads Mikkelsen จาก Doctor Strange) โดยทั้งหมู่บ้านมีแต่ผู้ชาย (ราวกับเมืองลับแล) และความคิดของทุกคนจะเป็นเสียงและภาพที่คนอื่นก็สามารถรับรู้ได้ว่า ณ ตอนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เรียกว่า “Noise” ดูหนังใหม่

 

รีวิวหนังCHAOS WALKING จิตปฏิวัติโลก

 

หนังหลายเรื่องก็ดัดแปลงบทจากหนังสือขายดี บางเรื่องก็เลือกเล่าเรื่องของโลกดิสโทเปีย แต่ละเรื่องมีส่วนผสมของไซไฟแทรกอยู่ในนั้น ส่วนหนังเรื่องนี้มีทั้งสามอย่าง ‘Chaos Walking’ หรือ ‘จิตปฏิวัติโลก’ มุ่งเน้นเป็นหนังแนวผจญภัยผสมไซไฟ เล่าเรื่องโลกอนาคต ที่สร้างจากหนังสือนิยายขายดีผลงานของ Patrick Ness ที่มีสามเล่ม และเรียกมันว่า Chaos Walking Trilogy

ภาคนี้ มันเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้เกิดมาในโลกที่มีแต่ผู้ชาย แถมแต่ละคนยังมีอาการเหมือนๆ กันนั่นคือ คิดออกมาเป็นเสียง หนังที่แสดงนำโดยผู้รับบทบาทสไปดี้อย่าง ทอม ฮอลแลนด์ ที่โคจรมาพบเจอกับแม่สาวเจไดคนสวย เดซี่ ริดลีย์ ในหนังไซไฟที่กำกับโดย ดัํก ไลแมน ที่เราคุ้นเคยจากหนังอย่าง ‘Edge of Tomorrow’, ‘The Wall’, ‘Jumper’, ‘Mr. & Mrs. Smith’ และ ‘American Made’

นับเป็นหนังไซไฟฟอร์มยักษ์ที่ขอมาประเดิมตลาดหนังปี 2021 เลยก็ว่าได้สำหรับ Chaos Walking โดยพ่วงเครดิตความน่าดูตั้งแต่ทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) จาก Spider-Man Far From Home และ เดซี ริดลีย์ (Daisy Ridley) จาก Star Wars : The Rise Of Skywalker และหนังยังได้ ดั๊ก ไลแมน (Doug Liman) ผู้กำกับหนังไซไฟฟอร์มล้ำอย่าง Jumper ที่มีแฟนบอยรอคอยการสานต่อเรื่องราวอยู่ไม่น้อยมากุมบังเหียนจนเรียกได้ว่า Chaos Walking แทบจะเต็มไปด้วยคุณสมบัติในการเป็นหนังไซไฟเยี่ยม ๆ เรื่องหนึ่งได้เลยทีเดียว ดูหนังฟรี

 

รีวิวหนังCHAOS WALKING จิตปฏิวัติโลก

 

รีวิวหนังCHAOS WALKING จิตปฏิวัติโลก เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ

 

เหตุมันเกิดในโลกใบใหม่ ‘นิวเวิลด์’ ในช่วงเวลาอนาคตหลังจากปัจจุบันไปหลายปี ที่นี่ ป่าไม้พืชพรรณยังหลงเหลืออยู่มากมาย แต่มีความแปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ผู้หญิงไม่มีแล้ว หลงเหลืออยู่เพียงผู้ชายเท่านั้น

ทอดด์ ฮิววิตต์ (Tom Holland/ทอม ฮอลแลนด์ จากหนัง ‘Spider-Man: Homecoming’, ‘Dolittle’ และ ‘Avengers: Endgame’) คือเด็กหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดผู้กำพร้าสูญเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเล็ก เขาเติบโตขึ้นเมืองๆ หนึ่ง เขาเชื่อมั่นในผู้นำของตนอย่างฝังใจ

เขาได้รับการบอกเล่าจากผู้นำว่า ครั้งหนึ่งเคยเกิดสงครามกับชนเผ่าพื้นเมืองที่คร่าชีวิตผู้หญิงไปทั้งหมด แถมผู้ชายแต่ละคนยังมีอาการอันแปลกประหลาดเหมือนๆ กันด้วยคือมี ‘noise’ หรือ ‘เสียงคิด’ เวลาแต่ละคนคิดอะไรอยู่ในหัว มันออกมาเป็นภาพและเสียง คนอื่นจะได้ยินหมดว่าเราคิดอะไรอยู่

แต่แล้ววันหนึ่ง ทอดด์ ก็ได้พบว่ามียานอวกาศลำหนึ่งตกและเสียหายอยู่ในแถบนั้น ก่อนจะได้รู้ว่ามีผู้รอดชีวิตเป็นผู้หญิง เธอคือ ไวโอลา (Daisy Ridley/เดซี่ ริดลีย์ จากหนังเรื่อง ‘Star Wars: Episode VII – The Force Awakens’ และ ‘Murder on the Orient Express’) เธอกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาได้พบเจอ อีกทั้งเธอยังไม่มีอาการเสียงคิดเหมือนคนอื่นๆ อีกด้วย

แต่การมาของเธอกลับสร้างความแตกตื่นให้กับคนในเมืองแห่งนี้ พวกเขาต่างพยายามไล่ล่าเธอ สิ่งที่ทอดด์ต้องทำไปพร้อมๆ กันก็คือ พาเธอหลบหนีให้พ้นจากเงื้อมมือผู้ชายเหล่านั้น ทั้งยังต้องตามหาสาเหตุของการตายของผู้หญิงทั้งหมด ในขณะที่ความคิดของเขาที่มีต่อไวโอลาคนนี้ก็แทบจะปิดไม่มิด ดูหนังใหม่

 

 

ความรู้สึกหลังดูหนังCHAOS WALKING จิตปฏิวัติโลก

 

เราคงทราบกันดีกว่า Chaos Walking จิตปฏิวัติโลก เป็นหนังเจ้าปัญหาที่ต้องกลับมาเปิดกล้องถ่ายทำซ่อมกันใหม่ เพราะผู้บริหารยังไม่พอใจกับผลลัพธ์ และยังต้องถูกเลื่อนฉายออกไปเป็นปีๆ มาถึงจุดนี้ก็อาจจะเข้าใจมุมมองแล้วว่า ทำไมหนังถึงไม่ได้รับการยอมรับให้ไฟเขียวจากผู้บริหาร เพราะเนื้อหาของหนังค่อนข้างมีวิธีที่สื่อสารและเล่าถึงคนดูได้ค่อนข้างยาก หากว่าตีโจทย์ตีความได้เก่งกาจก็จะยอดเยี่ยม หากพลาดไปเพียงนิดเดียวก็จะไร้ซึ่งความน่าจดใจ

และก็ดูเหมือน Chaos Walking จะเป็นอย่างหลังไปเสียมากกว่า เพราะเมื่อพิจารณาดูโดยรวมแล้ว หนังก็ยังไม่มีแก่นสารใดๆ ที่มากเพียงพอที่จะน่าสนใจหนัก นอกจากประโยคซ้ำๆ เดิมๆ ที่ตัวละครพยายามกีดกันความคิดไม่ให้หลุดโพล่งออกมาที่ว่า “ฉันคิดทอดด์ ฮิววิต” ที่ต้องได้ยินซ้ำๆ ไปตลอดทั้งเรื่องไม่ต่ำกว่า 20-30 รอบ แม้ว่าหนังจะใส่มุกเบ๊อะบ๊ะให้กับตัวละครเขามาบ้าง แต่ยังสร้างมิติให้ตัวละครได้ไม่ดีเท่าที่ควรนัก ดูหนังฟรี

 

 

แต่ทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณเคมีนักแสดงที่เข้ากันได้ด้วยดีอย่างน่าอัศจรรย์ ระหว่าง “ทอม ฮอลแลนด์” กับ “เดซีย์ ริดลีย์” การขึ้นจอคู่กันของทั้งสองกลายเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ดีที่ทำให้หนังดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างดี มาว่าบทบาทของพวกเขาจะแทบจะไร้มิติและไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดมากสักเท่าไหร่นักก็ตาม แต่ด้วยทักษะและอินเนอร์ทางการแสดงของพวกเขาก็ทำให้ช่วยพยุงหนังทั้งเรื่องไปได้แบบทะลุทุเล

ต้องบอกว่า Chaos Walking มีมุมที่น่าสนใจ แต่ก็มีมุมที่น่าเบื่อค่อนข้างเยอะเหมือนกัน หนังเปิดเรื่องออกมาได้แบบชวนง่วงนอนเป็นอย่างดี ในช่วง 15 นาทีแรก กลายเป็นช่วงที่คนดูจะต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ แต่พอหนังเข้าสู่เรื่องราวของหนังและประกายไฟจุดติดขึ้นได้ก็จะไหลลื่นขึ้นไปเรื่อยๆ ตลอดทาง

หนังยังมีกลิ่นอายเป็นแบบหนังผจญภัยวัยรุ่นเรื่องก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น “The Hunger Games” หรือ “The Maze Runner” ด้วยโทนต่างๆ มีโทนที่ใกล้เคียงกัน และด้วยความที่หนังปูทางเอาไว้เป็นฉบับไตรภาค ทำให้หนังเหมือนยังจะไปไม่สุดทาง ทำท่าเหมือนจะเก็บกักเอาไว้สำหรับภาคต่อไป กลายเป็นการเดินทางผจญภัยที่ยังไม่ค่อยน่าสนใจมากเท่าไหร่ ดูรีวิวหนังสุดมันได้ที่นี่

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ประเด็นของหนังก็ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างโลกใหม่ หรือการเมืองการปกครอง รวมทั้งประเด็นเชื่อมโยงเกี่ยวกับการแบ่งแยกเรื่องเพศ ที่เป็นประเด็นละเอียดอ่อนและสื่อสารออกมาได้อย่างน่าสนใจ แต่กลับน่าเสียดายที่หนังไม่สามารถขยี้ไปได้สุดทาง การนำเสนอและเล่าเรื่องของหนังยังมีปัญหาเต็มไปหมด ยังไม่สามารถถ่ายทอดออกมาให้น่าสนใจได้เพียงพอนัก